วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฆ่าสัตว์ไม่เป็นปาณาติบาต,ทำบุญตักบาตร,ให้ทาน,ไม่ได้รับอานิสงส์บุญ มีจริงหรือ?

ในวงสนทนาของท่านผู้สูงอายุกลุ่มย่อยบางกลุ่ม  พูดคุยถึงการให้ทาน  ผู้สูงอายุท่านหนึ่งให้ทัศนะว่าท่านให้ทานต้องได้กุศลแน่ ท่านอ้างว่าในการไห้ทานนั้นได้กำจัดความตระหนี่  ความหวงแหนซึ่งเป็นกิเลสชนิดหนึ่งออกไป  ทำให้กิเลสของท่านเบาบางลง ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
ผู้เขียนบทความมีทัศนะว่า  ผลของกรรม  ไม่ได้เกิดตามกิริยาที่ได้เห็น  เราเห็นคนนั้นคนนี้ทำบุญให้ทานแล้วเราก็ตัดสินว่าเขาผู้ให้ทานหรือทำบุญ  คงได้รับอานิสงส์บุญแน่  และอนุโมทนาด้วย  คงไม่ถูกต้องทีเดียว
ตัวตัดสินผลแห่งกรรมไม่ได้อยู่ที่กิริยาการกระทำตามที่ตาเห็น   แต่อยู่ที่เจตนาของผู้กระทำกรรมนั้น  เจตนาเป็นอาการของจิต(สมอง)  ใครๆมองไม่เห็น  ผู้กระทำกรรมรู้ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
ตามที่ปรากฎจากวงสนทนานี้ ถ้าผู้ให้ทานอยากให้ผู้รับทานได้พ้นทุกข์เพราะทานของตน(จำนวนทานจะมีมากหรือน้อยไม่ใช่ข้อจำกัด)  ผู้ให้ทานมีเจตนาดี ตรงกับเจตนาการทำทานในพระพุธศาสนา  ให้โดยไม่หวังผลสิ่งใดๆตอบแทน เขาได้รับผลบุญของทานแน่นอน
แต่ถ้าเจตนาของผู้ให้ทานเป็นอย่างอื่น  เช่นมีเจตนาหรือคิดอยู่ในใจวาขออยาให้เรามีสภาพอย่างเขาเลย  หรือคิดว่าด้วยอำนาจแห่งทานนี้ ขอให้ช้าพเจ้าถูกเบอร์ในงวดนี้ด้วย  ทานนี้ก็ไม่ให้ผลทางดี เพราะจิตของท่านเพิ่มตัณหา(ต้นเหตุของความทุกข์)  ตรงกับคำพังเพยว่า"ทำบุญแต่ได้บาป"
การทำปาณาติบาตก็เช่นเดียวกัน  ตัวตัดสินที่จะมีผลลัพเป็นปาณาติบาต หรือไม่ก็ดูที่เจตนา ผู้ฆ่าไม่มีเจตนาฆ่า  แต่ทำให้ชีวิตสัตว์ล่วงไป(ตาย)ด้วยความพลั้งเผลอ  เขาก็ไม่ผิดศีลข้อปาณาติบาต  ผู้ทำกรรมย่อมรู้ได้เอง  คนอื่นหารู้ไม่
ความสำคัญจึงอยู่ที่เจตนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น