วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต(ของทุกคน)

คนทั้งหลายมีวัยแตกต่างกันไปตามที่เราเห็นอยู่รอบกายเรา  มีทารกที่เกิดใหม่ เค็กวัยอนุบาล  เค็กวัยรุ่นหนุ่มสาว วัยทำงาน วัยเกษียณ  วัยผู้เฒ่า  คนบางคนมีอดีตที่สวยงาม มีความภาคภูมิใจ ไม่อยากลืมช่วงเวลาที่สวยสดงดงามอันมีความสุขนั้น  คนบางคนมีอดีตที่ขมขื่น  มีความทุกข์ อยากลืม ตั้งความหวังว่าในอนาคต น่าจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขบ้าง  บางคนปลอบใจตนเองว่าเพราะเรามีบาปกรรมที่ทำไว้ในชาติก่อน ชาตินี้จึงต้องใช้กรรมเก่า  ทุกๆคนจึงมีความสุข ความทุกข์ คลุกเคล้าสลับกันไป  ความสุขหรือความทุกข์ปรากฎขึ้นที่ใจ(จิต,สมอง)
ความทุกข์ทางกาย เกิดได้เพราะความบกพร่องทางกาย บกพร่องเพราะ การกิน  การดื่ม การพักผ่อน ที่ทำตามใจตนเอง ขัดแย้งกับธรรมชาติ(ขาดความรู้  ที่ธรรมชาติต้องการ)  ผลคือเกิดโรคสารพัดโรค ต้องทุกข์ทรมารในยามชราภาพ  ความทุกข์ทางใจ(จิต,สมอง)  เพราะใจไม่เป็นอิสระ  ใจอยู่ใต้อำนาจของอารมณ์(เวทนา)  ใจเป็นทาสของอารมณ์  ต้องฝึกให้ใจมีอิสระด้วยสติ  ใช้สติคุม  ด้วยสมาธิปัญญา  ใจต้องอยู่เหนืออำนาจอารมณ์  ใจจึงจะสงบได้ ใจได้พักผ่อนมีความสุข  ความสุขทางกาย ความสุขทางใจ เกิดมีขึ้นได้เพราะความรู้(ปัญญา)  เรียนรู้ได้  ฝึกฝนได้
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของทุกๆคนคือเวลาที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันนี้(ที่นี่และเดี๋ยวนี้)  เวลาที่ผ่านไปเป็นอดีต  ไม่ต้องไปถวิลหา เพราะเป็นอดีตไปแล้ว เรียกกลับมาไม่ได้  เรื่องในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องจริง  เพราะยังไม่เกิดขึ้น อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ด้วยเหตุผลของธรรมชาติ  แต่เวลาช่วงปัจจุบันนี้(ที่นี่เดี๋ยวนี้) สำคัญที่สุด เพราะเหตุการณ์กำลังเกิดมีผลเป็นความสุข หรือเป็นความทุกข์  อยู่ที่กรรมคือการกระทำของเรา ฉนั้นเราจึงต้องคิดแต่เรื่องดีๆ  ใช้สติปัญญช่วยคิด  ทำกรรมแต่กรรมดีๆ(กุศลกรรม) พูดแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่มีสาระประโยชน์ ต่อผู้ฟังทั้งหลาย ต้องมีเมตตาเป็นพื้นฐาน  (เอาความรู้ทั้งหลายที่ศึกษามา  เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์)  ผลที่ได้รับน่าจะเป็นความสุข เป็นความสงบ ความเจริญในสังคมที่เราอาศรัยอยู่นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น